จากหลักการทำงานของจอภาพแบบ CRT จะเห็นว่าณ ขณะใดๆ จะปล่อยอิเลคตรอนออกมาเพียงตัวเดียว ซึ่งก็คือเพียง 1 จุดบนจอภาพเท่านั้น ดังนั้น จึงต้องมีการ ยิงอิเลคตรอนออกมาอย่างรวดเร็ว ให้ครบทุกจุดบนภาพในเวลาอันรวดเร็วเพื่อให้ตาของคนเราเห็นเป็นภาพๆ หนึ่ง การสร้างภาพตรงนี้มีสองวิธีครับ
วิธีดั้งเดิมก็คือ Interlaced scan เป็นการสร้างภาพ โดยในเฟรมๆ หนึ่งนั้น จะแบ่งการสร้างภาพออกเป็น 2 ช่วงครับ ช่วงแรก ภาพเฉพาะแถวที่เป็นเลขคู่จะถูกสร้างขึ้นมาก่อน จากนั้นจึงจะสร้างแถวที่เป็นเลขคี่ ในช่วงที่ 2 วิธีการนี้มีข้อดีคือภาพเคลื่อนไหว จะดูราบรื่น ไม่กระตุก ที่ความเร็ว ในการแสดงผลต่ำๆ (fps: frames per second) แต่ก็มีข้อเสียหลายประการครับ นั่นก็คือ
- ภาพที่ได้ จะเห็นเป็นเส้นๆ หรือที่เรียกกันว่า Scan line
- สำหรับวัตถุที่มีขนาดเล็กกว่า 2 เส้น scan line อาจเกิดการกระพริบได้ครับ
- อาจเกิดรอบหยักที่ขอบวัตถุเวลาวัตถุมีการเคลื่อนที่
ด้วยข้อเสียต่างๆ และพัฒนาการของหลอดภาพ ทำให้ให้หลอดภาพรุ่นใหม่ๆสามารถแสดงผลแบบ Progressive scan ได้ ซึ่งการสร้างภาพแบบนี้ จะมีการสร้างภาพเรียงลำดับ จากซ้ายไปขวา จากบนลงล่าง โดยทุกๆภาพ จะถูกสร้างโดยการ scan เพียงรอบเดียว ปัญหาที่เกิดจาก Interlaced scan เลยถูกแก้ไขไปด้วยครับ
แล้วไอ้ Progressive scan สำคัญแค่ไหน? หากเพื่อนๆลองเดินไปดูตามร้านค้า ดูด้วยตาเปล่าโดยยังไม่ได้อ่านบทความนี้ไปก่อน อาจจะไม่เห็นความแตกต่างชัดเจนมากนัก แต่หากรู้ว่าต้องหาความแตกต่างที่ไหน ก็จะสามารถมองเห็นถึงความแตกต่างได้พอสมควร ดังนั้น เรื่องนี้ จึงขึ้นอยู่กับความพอใจของผู้ดูมากกว่าครับ สำหรับในทีวีใหม่ๆ มักจะสร้างภาพแบบ Progressive อยู่แล้ว ถึงสัญญาณที่รับมาจะเป็น Interlaced scan (DVD ตาม มารตรฐาน MPEG 2 เก็บข้อมูลภาพเป็นแบบ interlaced ครับ) ก็จะมีการแปลงสัญญาณนั้นเป็น Progressive ก่อน โดยการนำเอาภาพที่ถูกเก็บไว้แบบ interlaced scan ทั้ง2 Fields มาสร้างเป็นภาพภาพเดียว หรือที่เรียกว่า การ Deinterlace นั่นเองครับ
อ่านมาถึงตรงนี้ เพื่อนๆอาจจะคิดว่า ถ้าอย่างงั้นก็ไม่เห็นต้องซื้อ DVD Player ที่มี Progressive scan เลย...สำหรับคำพูดนี้ ต้องบอกว่า ขึ้นอยู่กับความพอใจของผู้ดูครับ รวมทั้งคุณภาพของอุปกรณ์ Deinterlace ในทีวีว่าดีแค่ไหน ทั้งนี้เพราะการทำ Deinterlace ใน DVD Player เลยนั้น มีแนวโน้มที่จะให้คุณภาพที่ดีกว่าเพราะเป็นการทำงานใน Digital domain โดยทำทันทีหลังจากอ่านข้อมูลออกมาจาก DVD ไม่เหมือนการทำ deinterlace ใน ทีวีเพราะ สัญญาณจะถูกแปลงเป็น Analog ก่อน จาก player เพื่อส่งเข้า ทีวี (สำหรับกรณ๊ใช้สายสัญญาณแบบอนาลอก) แล้วตัวทีวีต้องแปลงอนาลอกกลับมาเป็น Digital เพื่อทำ deinterlace ก่อนที่ท้ายสุดจะแปลงกลับไปเป็น analog เพื่อแสดงผลอีกที การแปลงสัญญาณไปๆมาๆแบบนี้ย่อมทำให้สูญเสียรายละเอียดไปบางส่วน
ที่มา http://topicstock.pantip.com/home/topicstock/2006/12/R4943670/R4943670.html


0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น